เราทราบกันมานานมากกว่า 10 ปีแล้วว่า อาหารการกินส่งผลถึงสมองผ่านทางกระเพาะลำไส้โดยมีจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียเป็นตัวควบคุมกำกับ
การศึกษาคราวนี้ รายงานในวารสารโรคอัลไซเมอร์ ปี 2020 จากคณะนักวิทยาศาสตร์อิตาเลียน ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า การสะสมตัวของโปรตีน บิดเกลียว เอมิลอยด์ในสมอง ซึ่งเป็นผู้ร้ายตัวเอกตัวหนึ่ง ที่ทำให้เกิดสมองเสื่อมมีความสัมพันธ์กับสารไม่ดีที่แบคทีเรียในลำไส้ผลิตขึ้น ทั้งนี้โดยวัดระดับ Lipopolysaccharide (LPS) กรดไขมันสายสั้น (Short chain fatty acids ; acetate valerate butyrate) และสารที่เหนี่ยวนำก่อให้เกิดการอักเสบ และตัวที่ชี้วัด การทำงานผิดปกติของเซลล์หลอดเลือด (endothelial dysfunction) ด้วยวิธี ELISA mass spectrometry realtime PCR และ flow cytometry ตามลำดับ ที่ต้องลงรายละเอียดดังนี้เพื่อให้เห็นกระบวนการวิธีการที่หนักแน่นในการพิสูจน์นะครับ ไม่ใช่เพื่อทำให้อ่านยากขึ้น
และจากนั้น นำไปเปรียบเทียบเพื่อหาความสัมพันธ์ กับปริมาณสารพิษในสมองดังข้างต้นโดยการตรวจ PET scan สมอง โดยศึกษาในผู้สูงวัยจำนวน 89 รายที่มีการทำงานของสมองในด้านพุทธิปัญญา (cognitive function) ทั้งปกติและไม่ปกติ
คณะผู้ทำการศึกษาวิจัยได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความตื่นเต้น ในผลลัพธ์ที่ปรากฏและสรุปว่าการศึกษานี้ สามารถชี้ชัดได้ว่ามีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันจริง โดยผ่านตัวการต่างๆจากแบคทีเรียในลำไส้ไปถึงการดำเนินโรคสมองเสื่อม โดยที่ใครที่จะเป็นโรคนี้ถูกกำหนดด้วยชะตากรรม ชะตาชีวิตอยู่แล้ว ที่มีการสะสมของโปรตีนที่ผิดปกติและทำให้เซลล์สมองอายุสั้น อีกทั้งเซลล์อื่นๆ ในสมองกลับกระพือให้เกิดมีการอักเสบในสมองมากขึ้น ด้วยความพยายามที่จะขจัดขยะพิษเหล่านี้ออก แต่ใช้กลไกผิดเพี้ยนและทำให้การอักเสบมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น และนอกจากนั้นการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายนอกสมอง ยังทำให้มีการพัฒนาของโรคไปได้เร็วขึ้น
ในช่วงปี 2016 หลักฐานความเชื่อมโยงที่แบคทีเรียในลำไส้ควรต้องมีความหลากหลาย ถึงจะมีผลในการป้องกันสมอง ถูกตอกย้ำโดยมีการศึกษาในสัตว์ทดลอง ทั้งนี้โดยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดทอนแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้เกิดกลายเป็นกลุ่มแบคทีเรียหน้าตาแบบเดียว จะเร่งให้มีการอักเสบเพิ่มขึ้นในสมองรวมทั้งมีการสะสมของโปรตีนเอมิลอยด์ที่ผิดปกติ
และยังมีการศึกษาอีกหลายชิ้นที่ใช้หนูที่ปรับแต่งพันธุกรรมให้ปราศจากเชื้อ (germ free) และเหนี่ยวนำให้เป็นสมองเสื่อมแบบในคน จะมีโปรตีนพิษไม่มาก
และเมื่อใส่แบคทีเรีย ที่ได้จากหนูธรรมดา หรือหนูสมองเสื่อมเข้าไปในลำไส้ จะทำให้ มีโปรตีนผิดปกติเพิ่มมากขึ้น
การขาดความหลากหลายของชนิดของแบคทีเรียในลำไส้ ยังพบได้ในคนที่เป็นสมองเสื่อม โดยที่ในปี 2016 คณะผู้วิจัยชุดนี้ได้รายงานว่า ในลำไส้คนที่เป็นสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ จะมีแบคทีเรียร้อนแรงสร้างการอักเสบ ซึ่งเป็น Escherichia/Shigella แทนที่ จะเป็น Eubacterium rectale ที่ต้านการอักเสบ
แบคทีเรียร้อนแรงจะมีการเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบจากการที่เปลือกมีสาร lipopoly saccharides (LPS) และ LPS นี้พบได้ในกระแสเลือดและในผนังหลอดเลือดสมองจนกระทั่งปะปนอยู่ในโปรตีนขยะพิษในสมอง สภาวะการอักเสบนี่เองที่ยังส่งผลกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว monocyte/macrophage และทำให้เซลล์บุหลอดเลือดแปรปรวน
ในรายงานของกลุ่มศึกษา AD initiative ประมวลบิ๊กดาต้า ยังพบว่าการปรับสภาพของเส้นเลือดให้มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์เสมือนจัดส่งน้ำส่งอาหารให้กับเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งสมองเป็นความผิดปกติแรกสุด และจะต่อตามไปด้วย การเพิ่มปริมาณของโปรตีนขยะพิษเหล่านี้
กรดไขมันสายสั้นมีการศึกษาเช่นเดียวกันว่ามีผลในการปรับสภาพการอักเสบทั้งในและนอกสมอง แต่มีทั้งตัวดีและตัวร้าย
ผลการศึกษาของรายงานชุดนี้ ดังที่ได้กล่าวในตอนต้น พบปริมาณของโปรตีนพิษ มีความเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับระดับ LPS ในเลือด และ acetate valerate และสารอักเสบ proinflammatory cytokines และแปรตามดัชนี ที่ใช้ประเมินการทำงานของเซลล์หลอดเลือด เช่น cell adhesion molecules และ selectins ชนิดต่างๆในขณะที่กรดไขมันสายสั้น butyrate ดูจะมีประโยชน์รวมทั้งการที่มี IL-10 ในเลือด ที่ต้านการอักเสบ
ผลของการศึกษานี้โดยสรุปก็คือ โรคสมองเสื่อม (ไม่ใช่แต่เพียงอัลไซเมอร์เท่านั้น) ไม่ใช่เป็นเรื่องของความเสื่อมตามอายุอย่างที่เชื่อกันเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว แต่เป็นโรคและเป็นโรคที่มีการอักเสบเป็นตัวร้ายที่สำคัญ และอาหารการกินที่ส่งผลไปถึงแบคทีเรียในลำไส้เพื่อลดทอนหรือละลายการอักเสบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมกระทั่งถึงการสร้างสารที่ปกป้องสมองดูจะเป็นหนทางที่พวกเราทุกคนทำได้ เปลี่ยนปรับโภชนาการให้เข้าใกล้มังสวิรัติที่สุด
นอกจากที่จะชะลอไม่ให้โรคปรากฏเร็ว คนที่มีอาการแล้วก็ยังพยุงให้ดำเนินชีวิตช่วยตนเองได้ โดยไม่เป็นภาระแก่คนในครอบครัวและสังคม...รักและเป็นห่วงทุกคนครับ.